Santa Claus RallyIconBrandElement

article-thumbnail

2025-12-12 | วิเคราะห์ตลาดเชิงลึก

Santa Claus Rally ส่อแววสะดุด: ทั่วโลกลุ้นการตัดสินใจของเฟด 

สำคัญ: เนื้อหานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับ Santa Claus Rally เท่านั้น และไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน การซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์และ CFD มีความเสี่ยงสูงต่อการขาดทุน  เทศกาลแห่งความสุขมาถึงแล้ว พร้อมกับสิ่งที่ชาววอลล์สตรีทรอคอย นั่นคือ Santa Claus Rally (ปรากฏการณ์หุ้นขึ้นส่งท้ายปี)  แต่ปีนี้ ความสุขนั้นอาจต้องเจอทางตัน เพราะมีด่านสำคัญคือ การตัดสินใจเรื่องดอกเบี้ยของเฟด ในวันที่ 11 ธันวาคม ทำให้นักเทรดทั่วโลกตั้งคำถามเดียวกันว่า เฟดจะยอมเปิดทางให้เกิด Santa Claus Rally หรือจะดับฝันนี้ลง?  ก่อนที่เราจะไปเจาะลึกว่าเฟดจะชี้ชะตาเดือนธันวาคมได้อย่างไร เรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่าการแรลลี่รอบนี้คืออะไร และทำไมมันถึงมีสถิติที่น่าสนใจขนาดนี้  Santa Claus Rally คืออะไร?  Santa Claus Rally หมายถึงช่วงเวลาที่ตลาดหุ้นมักจะปรับตัวเป็นขาขึ้นตามประวัติศาสตร์ ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือนธันวาคมยาวไปจนถึงสองวันแรกของเดือนมกราคม นี่คือหนึ่งในเทรนด์ตามฤดูกาลที่โด่งดังที่สุดของวอลล์สตรีท โดยมีปัจจัยหนุนจากการฟื้นตัวของบรรยากาศการลงทุน, แรงขายเพื่อลดหย่อนภาษีที่น้อยลง, การมองโลกในแง่ดีช่วงวันหยุด, และปริมาณการซื้อขายที่เบาบางลง  ทำไมถึงเกิดขึ้น  นักวิเคราะห์ตลาดมักชี้ไปที่ปัจจัยผสมผสานเหล่านี้: แม้สาเหตุที่แท้จริงจะยังเป็นที่ถกเถียง แต่ข้อมูลผลตอบแทนนั้นยากที่จะปฏิเสธ  สถิติย้อนหลัง: ธันวาคมคือหนึ่งในเดือนที่แข็งแกร่งที่สุดของตลาด  1. ผลตอบแทนเฉลี่ย +1.3% นับตั้งแต่ปี 1927  ทำให้ธันวาคมเป็นเดือนที่แกร่งที่สุดเดือนหนึ่งของปี ชนะกันยายนที่มักจะแย่ที่สุดแบบขาดลอย  2. โอกาสชนะสูงถึง 72.5% เกือบ 3 ใน 4 ของเดือนธันวาคมในอดีต จบลงด้วยการปิดบวก (เขียว)  นี่คืออัตราการชนะที่สูงที่สุดเมื่อเทียบกับเดือนอื่นๆ โดยเกือบ 3 ใน 4 ของเดือนธันวาคมปิดตลาดในแดนเขียว  นี่คือเหตุผลที่เทรดเดอร์ชอบพูดว่า: “เมื่อซานต้ามาเยือนวอลล์สตรีท หุ้นก็มักจะปรับตัวขึ้น”  ทำไม Santa Claus Rally ถึงมีความเสี่ยงในปี 2025?  ปกติแล้ว ปัจจัยฤดูกาลจะช่วยดันตลาดได้สบายๆ ตราบใดที่ไม่มีอะไรใหญ่ๆ มาขวางทาง แต่ปีนี้มี “ก้อนหินก้อนใหญ่” ขวางอยู่  นั่นคือ “ประชุมเฟด 11 ธันวาคม”  ตลาดไม่ได้แค่จับตามอง แต่กำลัง “กลั้นหายใจ” ลุ้นตัวโก่ง  ทำไมเฟดถึงคุมเกมรอบนี้:  1. ลดดอกเบี้ย vs คงดอกเบี้ย : สถาการณ์ตลาดขึ้นอยู่กับสิ่งนี้   ถ้าเฟดส่งสัญญาณว่าจะลดดอกเบี้ยต้นปี 2026 สินทรัพย์เสี่ยงจะพุ่งทยานแน่ๆ (คอนเฟิร์ม Rally)   แต่ถ้าเฟดมาสายแข็ง (Hawkish) เตือนเรื่องเงินเฟ้อ การแรลลี่อาจกลายเป็นการเทขายหนีตายแทน  2. นักลงทุนต้องการความชัดเจน  หุ้นที่ขึ้นมาตอนนี้ยังดู “กล้าๆ กลัวๆ” ถ้าเฟดให้สัญญาณ “ไปต่อ” เงินที่รอนอกสนามจะไหลกลับเข้ามาทันที  3. Bond yields คือตัวกำหนด  yields ต่ำ = หุ้นวิ่ง   yields สูง = กดดันหุ้นเทคและสินทรัพย์เสี่ยง   ซึ่งคำพูดเฟดจะสั่งซ้ายหันขวาหันให้ยีลด์ได้ทันที  ตลาดต้องการอะไรจากเฟด เพื่อฉลองให้กับ Rally?  เพื่อให้กราฟพุ่งรับปีใหม่ นักลงทุนขอแค่:  1. โทนที่ผ่อนคลาย  แค่ยืนยันว่า “ขาขึ้นดอกเบี้ยจบแล้ว” ก็พอใจแล้ว  2. คลายกังวลเงินเฟ้อ  ถ้าเฟดมองว่าเงินเฟ้อลงอย่างยั่งยืน ตลาดจะกล้าลุย  […]

article-thumbnail

2023-12-14 | สารจาก D Prime

“ซานต้า” จะ “แรลลี่” หรือไม่ในปลายปี

ไขความลับ Santa Claus rally เมื่อการเฉลิมฉลองสิ้นปีและเทศกาลคริสต์มาสใกล้เข้ามา ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นซ้ำๆ ก็ได้ดึงดูดความสนใจของวอลล์สตรีทและนักลงทุนทั่วโลก นั่นคือ “Santa Claus rally” หรือ “ซานตาคลอสแรลลี่” ที่เป็นที่รู้จักกันดีในวงการนักลงทุน  ตามชื่อ “Santa Clause rally” ปรากฏการณ์ของตลาดนี้เกิดขึ้นในช่วงระหว่างคริสต์มาสและปีใหม่ บ่งบอกถึงช่วงเวลาแห่งการลอยตัวของตลาดหุ้น ซึ่งมักมีลักษณะพิเศษคือราคาหุ้นจะพุ่งขึ้นชั่วคราว  การพุ่งขึ้นดังกล่าวถือเป็นช่วงเวลาที่ผลตอบแทนของหุ้นแซงหน้าผลตอบแทนเฉลี่ยในช่วงวันทำการซื้อขายตลอดทั้งปี ส่วนใหญ่เกิดขึ้นใน 5 วันทำการสุดท้ายของเดือนธันวาคม และขยายไปสู่ 2 วันทำการแรกของเดือนมกราคม ส่งผลให้ประสิทธิภาพของตลาดเพิ่มขึ้นชั่วคราวแต่เห็นได้ชัดเจน  ปัจจัยที่ส่งผลต่อปรากฏการณ์ “Santa Claus Rally”  แนวโน้มนี้เกิดขึ้นตลอดหลายปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม สาเหตุที่แท้จริงของการขึ้นราคานี้ยังเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ยาก โดยมีสาเหตุมาจากปัจจัยหลายประการที่เกิดขึ้นในช่วงเทศกาลวันหยุด คำอธิบายหลักคือการมองโลกในแง่ดีที่เกิดจากวันหยุดส่งเสริมความเชื่อมั่นของตลาด ซึ่งนำไปสู่กิจกรรมการลงทุนที่เพิ่มขึ้น  นอกจากนี้ เมื่อใกล้ถึงสิ้นปี นักลงทุนจะทำการปรับเปลี่ยนพอร์ตการลงทุนเนื่องจากเหตุผลด้านภาษีและความจำเป็นในการปรับสมดุลพอร์ต ซึ่งเรียกว่าวีธีการ “Tax-loss harvesting” อีกทั้ง ผู้ขายชอร์ตยังลดกิจกรรมการลงทุนลง เนื่องจากนักลงทุนในตลาดหลักๆ ส่วนมากพักในช่วงวันหยุด ทำให้แรงขายลดลง และอาจเป็นสาเหตุให้ราคาหุ้นเพิ่มขึ้นชั่วคราว  แนวคิดของ “Window dressing” ก็ถือว่าเป็นไปได้เช่นกัน บางคนคาดการณ์ว่าแม้จะปรากฏการณ์นี้จะเกิดขึ้นน้อยลง แต่นักลงทุนสถาบันก็มีส่วนร่วมกับ “Window dressing” เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับพอร์ตการลงทุนของตนด้วยหุ้นที่ประสบความสำเร็จ […]