รายงานปริมาณการซื้อขายของ Doo Prime ประจำเดือนตุลาคม 2567 

2024-11-13 | รายงานปริมาณการซื้อขาย

รายงานปริมาณการซื้อขายของ Doo Prime ประจำเดือนตุลาคม 2567 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงกิจกรรมการซื้อขายที่แข็งแกร่งและประสิทธิภาพที่มั่นคงบนแพลตฟอร์มของเรา 

ภาพรวมปริมาณการซื้อขายเดือนตุลาคม2567   

  • ปริมาณการซื้อขายทั้งหมด: 176.84 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ 
  • ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมสูงสุด: XAU/USD, EUR/USD, USD/JPY 
  • XAU/USD มีปริมาณการซื้อขายสูงสุด 
  • XAU/USD มีอัตราการเพิ่มขึ้นสูงสุด โดยเพิ่มขึ้นถึง 48.76% 

ตามรายงานระบุว่า ปริมาณการซื้อขายทั้งหมดของ Doo Prime ในเดือนตุลาคม 2567 มีมูลค่ารวมอยู่ที่ 176.84 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 37.44% จากเดือนก่อนหน้า นอกจากนี้ ปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยรายวัน (ADV) ในเดือนตุลาคมอยู่ที่ 5.70 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเพิ่มขึ้น 33.01% จากเดือนกันยายน 

จากความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นในตะวันออกกลาง และการไม่ชัดเจนของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ในเรื่องการลดอัตราดอกเบี้ย ทำให้นักลงทุนหลีกเลี่ยงความเสี่ยงเพิ่มขึ้น ส่งผลให้การลงทุนในทองคำพุ่งสูงขึ้นทำลายสถิติในเดือนตุลาคม 

นอกจากนี้ ธนาคารกลางยุโรปได้ดำเนินรอยตามธนาคารกลางสหรัฐฯ โดยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนตุลาคม ส่งผลให้ตลาดหุ้นพุ่งสูงขึ้น ดึงดูดความสนใจของนักลงทุนและผลักดันกิจกรรมการซื้อขายให้ถึงระดับสูงสุดใหม่ 

เมื่อเทียบกับเดือนกันยายน ปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยรายวัน (ADV) ของ Doo Prime ได้เพิ่มขึ้นในเดือนตุลาคม ส่งผลให้ปริมาณการซื้อขายทั้งหมดเพิ่มสูงขึ้น ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน ปริมาณการซื้อขายรวมของ Doo Prime อยู่ที่ 1,160.10 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวเพิ่มขึ้น 48.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 

จากข้อมูลที่บันทึกไว้ คู่เงิน XAU/USD, EUR/USD และ USD/JPY เป็นตัวเลือกยอดนิยมของนักลงทุน คิดเป็น 93.54% ของปริมาณการซื้อขายทั้งหมดในเดือนตุลาคม 

นอกจากนี้ คู่เงิน XAU/USD ยังมีการเติบโตของปริมาณการซื้อขายรายเดือนสูงสุด โดยเพิ่มขึ้น 48.76% เมื่อเทียบกับเดือนกันยายน 

ในฐานะโบรกเกอร์ออนไลน์ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง เราแสดงให้เห็นถึงแรงผลักดันที่แข็งแกร่งในด้านปริมาณการซื้อขาย ด้วยแพลตฟอร์มการซื้อขายที่ราบรื่น พันธมิตรในอุตสาหกรรมที่แข็งแกร่ง และทีมเทคนิคที่มีประสบการณ์ เรามุ่งมั่นที่จะมอบประสบการณ์การซื้อขายที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าเสมอ 


การเปิดเผยความเสี่ยง 

หลักทรัพย์ ฟิวเจอร์ส CFD และผลิตภัณฑ์ทางการเงินอื่นๆ มีความเสี่ยงสูงเนื่องจากความผันผวนของมูลค่าและราคาของเครื่องมือทางการเงินพื้นฐาน เนื่องจากความเคลื่อนไหวของตลาดที่ไม่พึงประสงค์และคาดเดาไม่ได้ อาจเกิดการขาดทุนมากกว่าการลงทุนเริ่มต้นของท่านในระยะเวลาอันสั้น 

โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าท่านเข้าใจความเสี่ยงของการซื้อขายกับเครื่องมือทางการเงินแต่ละประเภทอย่างถ่องแท้ก่อนทำธุรกรรมกับเรา หากท่านไม่เข้าใจความเสี่ยงดังที่ได้อธิบายไว้ในนี้ ควรขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ 

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ 

ข้อมูลที่ปรากฏในบล็อกนี้มีไว้เพื่ออ้างอิงทั่วไปเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาให้เป็นคำแนะนำการลงทุน ข้อเสนอแนะ คำเชิญ หรือการเสนอขายหรือซื้อเครื่องมือทางการเงินใดๆ ทั้งนี้ไม่ได้พิจารณาถึงวัตถุประสงค์การลงทุนหรือสถานการณ์ทางการเงินเฉพาะของผู้รับข้อมูลแต่ละราย ผลการดำเนินงานในอดีตไม่สามารถเป็นตัวบ่งชี้ที่เชื่อถือได้สำหรับผลการดำเนินงานในอนาคต Doo Prime และบริษัทในเครือไม่ให้การรับรองหรือรับประกันใดๆ เกี่ยวกับความถูกต้องหรือความสมบูรณ์ของข้อมูลนี้ และไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสียหรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากการใช้ข้อมูลนี้หรือลงทุนตามข้อมูลดังกล่าว 

การเคลื่อนไหวของตลาดIconBrandElement

article-thumbnail

2024-11-28 | การเคลื่อนไหวของตลาด

แบล็กฟรายเดย์ vs. ไซเบอร์มันเดย์ : วันไหนส่งผลต่อตลาดมากกว่ากัน? 

แบล็กฟรายเดย์ vs. ไซเบอร์มันเดย์ : วันไหนส่งผลต่อตลาดมากกว่ากัน? ทุกปี นักช้อปต่างรอคอยแบล็กฟรายเดย์และไซเบอร์มันเดย์อย่างใจจดใจจ่อ เพื่อคว้าข้อเสนอสุดพิเศษ ในขณะที่นักลงทุนก็มองเหตุการณ์เหล่านี้อย่างใกล้ชิดเช่นกัน แต่ด้วยมุมมองที่ต่างออกไป เพราะสองมหกรรมลดราคานี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่การเติมสินค้าลงตะกร้าเท่านั้น แต่ยังให้ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับพฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคและแนวโน้มของตลาดอีกด้วย แต่คำถามสำคัญคือ: ระหว่างแบล็กฟรายเดย์และไซเบอร์มันเดย์ วันไหนส่งผลต่อตลาดหุ้นมากกว่ากัน?  ในบทความนี้ เราจะวิเคราะห์ว่าสองวันนี้เปรียบเทียบกันอย่างไร ทำไมนักลงทุนถึงให้ความสำคัญ และหุ้นตัวไหนที่ควรอยู่ในลิสต์ที่คุณต้องจับตามอง  ศึกประชัน แบล็กฟรายเดย์ ปะทะ ไซเบอร์มันเดย์  จากข้อมูลของสหพันธ์การค้าปลีกแห่งชาติ (NRF) ในปี 2566 มีผู้บริโภคถึง 200.4 ล้านคนที่ออกมาช้อปปิ้งในช่วงวันหยุด 5 วัน ตั้งแต่วันขอบคุณพระเจ้าจนถึงไซเบอร์มันเดย์ ซึ่งทำลายสถิติปี 2565 ที่มีจำนวน 196.7 ล้านคน  แบล็กฟรายเดย์ ถือเป็นการเปิดฤดูกาลช้อปปิ้งช่วงวันหยุด ที่มักเกี่ยวข้องกับการลดราคาที่หน้าร้าน แม้ว่าการช้อปปิ้งออนไลน์จะเข้ามามีบทบาทสำคัญมากขึ้นในปัจจุบัน โดยทั่วไป แบล็กฟรายเดย์ถูกใช้เป็นตัวชี้วัดความสำเร็จของร้านค้าปลีกแบบออฟไลน์ เช่น Walmart (NYSE: WMT) และ Target (NYSE: TGT) ที่แข่งขันกันด้วยโปรโมชั่นดึงดูดลูกค้า  ไซเบอร์มันเดย์ เป็นคู่แข่งในฝั่งออนไลน์ มุ่งเน้นการช้อปปิ้งผ่านอีคอมเมิร์ซ ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อย […]

article-thumbnail

2024-11-22 | การเคลื่อนไหวของตลาด

การกลับมาครั้งยิ่งใหญ่ของ Netflix ปี 2567

แม้ว่าฟองสบู่ของอุตสาหกรรมสตรีมมิ่งจะค่อยๆ หดตัวลง แต่ Netflix ยังคงยืนหยัดในฐานะผู้นำตลาดด้วยรายงานรายได้ที่น่าประทับใจในไตรมาสที่ 1 และไตรมาสที่ 3 ของปี 2567 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การกลับมาครั้งยิ่งใหญ่ของ Netflix การแข่งขันที่ผู้คนรอคอยระหว่าง ไมค์ ไทสัน และ เจค พอล ได้กลายเป็นปรากฏการณ์ระดับโลก ด้วยจำนวนผู้ชมถ่ายทอดสดที่น่าทึ่งถึง 65 ล้านคน เหตุการณ์นี้ยังถือเป็นการก้าวเข้าสู่การถ่ายทอดสดกีฬาครั้งสำคัญของ Netflix ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวที่กล้าหาญในตลาดที่มีการแข่งขันสูงแต่เต็มไปด้วยโอกาส อย่างไรก็ตาม คำถามคือ กลยุทธ์นี้จะเพียงพอหรือไม่ที่จะช่วยให้ Netflix ปิดท้ายปี 2567 ได้อย่างแข็งแกร่ง?  ในบทความนี้ เราจะพาไปเจาะลึกถึงปัจจัยที่ผลักดันให้ Netflix ประสบความสำเร็จในปัจจุบัน และสำรวจแนวโน้มการเติบโตของบริษัทในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี  ไมค์ ไทสัน vs เจค พอล: กลยุทธ์อันกล้าหาญของ Netflix  ในปี 2567 Netflix ได้ทำการเคลื่อนไหวสำคัญด้วยการสตรีมการแข่งขันที่ได้รับความสนใจอย่างมากระหว่างไมค์ ไทสัน และ เจค พอล นี่ไม่ใช่เพียงแค่อีเวนต์กีฬาทั่วไป แต่เป็นการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ที่แสดงให้เห็นถึงความทะเยอทะยานของ Netflix […]

article-thumbnail

2024-11-15 | การเคลื่อนไหวของตลาด

สิ่งที่นักลงทุนควรรู้เกี่ยวกับการดำรงตำแหน่งสมัยที่สองของทรัมป์ 

โดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีคนที่ 47 ของสหรัฐอเมริกาอีกครั้ง โดยได้คะแนนจากคณะผู้เลือกตั้ง 312 เสียง ขณะที่กมลา แฮร์ริสได้ 226 เสียง ในการดำรงตำแหน่งสมัยใหม่นี้ นโยบายของทรัมป์คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อตลาดการเงินและเศรษฐกิจโลกในหลากหลายด้าน นักลงทุนควรติดตามท่าทีของเขาเกี่ยวกับภาษีศุลกากร การปฏิรูประบบภาษี ความสัมพันธ์กับจีน และทัศนคติเชิงบวกต่อสกุลเงินคริปโต บทความนี้จะกล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงของตลาดที่อาจเกิดขึ้นและนโยบายหลักที่อาจส่งผลต่อนักลงทุนในปีต่อๆ ไป  1. นโยบายภาษีศุลกากรและการค้า: ราคาสินค้าที่สูงขึ้นและการเติบโตของการจ้างงานที่ช้าลง  หนึ่งในนโยบายหลักของทรัมป์คือการใช้ภาษีศุลกากรเพื่อปกป้องอุตสาหกรรมภายในประเทศและลดความไม่สมดุลทางการค้า โดยเฉพาะกับจีน นักวิเคราะห์จากมอร์แกน สแตนลีย์ระบุว่า หากนโยบายภาษีศุลกากรของทรัมป์ถูกนำมาใช้เต็มรูปแบบ สหรัฐฯ อาจเผชิญกับผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่ออัตราเงินเฟ้อและการเติบโตทางเศรษฐกิจ แผนภาษีศุลกากรของทรัมป์ประกอบด้วยการเก็บภาษี 10% สำหรับการนำเข้าจากทั่วโลก และเพิ่มขึ้นถึง 60% สำหรับการนำเข้าจากจีน มาตรการเหล่านี้จะส่งผลกระทบต่อประมาณครึ่งหนึ่งของอุตสาหกรรมในสหรัฐฯ ทำให้ต้นทุนสำหรับธุรกิจและผู้บริโภคเพิ่มขึ้น  นักเศรษฐศาสตร์จากมอร์แกน สแตนลีย์ประเมินว่าผลกระทบจากภาษีศุลกากรเหล่านี้อาจมีความสำคัญอย่างมาก:  2. นโยบายภาษี: ขยายการลดภาษีและข้อเสนอใหม่  ทรัมป์ได้เสนอการลดภาษีหลายรายการ ซึ่งบางส่วนเป็นข้อเสนอใหญ่ที่ต้องผ่านการอนุมัติจากสภาคองเกรส นักเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนียคาดว่าแผนภาษีและงบประมาณของทรัมป์อาจทำให้การขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลกลางเพิ่มขึ้นถึง 4.1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในระยะยาว  ประเด็นสำคัญในวาระนโยบายภาษีของทรัมป์ประกอบด้วย:  สำหรับนักลงทุน ข้อเสนอด้านภาษีของทรัมป์อาจหมายถึงผลกำไรของบริษัทที่สูงขึ้นและการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่อาจเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ผลกระทบในระยะยาวต่อการขาดดุลของรัฐบาลกลางอาจนำไปสู่อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ซึ่งส่งผลต่อค่าใช้จ่ายในการกู้ยืมทั่วทั้งระบบเศรษฐกิจ  3. […]